จะเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในแจ็คเก็ตสิ้นคิดก็ว่าได้ครับ เพราะเป็นแจ็คเก็ตที่ใส่ง่ายและใส่ได้ในหลากหลายโอกาส คิดอะไรไม่ออกก่อนออกจากบ้านก็หยิบมาคลุมทับเป็น Layer ชั้นนอกสุดได้แบบหล่อๆเลย

Safari Jacket เป็นหนึ่งในแจ็คเก็ตที่ได้รับความนิยมสูงมากขึ้นเรื่อยๆทั้งในไทยและต่างประเทศ แต่หากเราพิจารณาต้นตอของแจ็คเก็ตตัวนี้ ที่มาของมันก็ตามชื่อเลยครับคือมาจากแจ็คเก็ตที่ใส่ไว้เดินป่า ซึ่งแน่นอนว่าต้องเน้นความ Utilitarian หรือประโยชน์ใช้สอยมากกว่าความสวยงาม สังเกตได้จากจำนวนกระเป๋าหน้าสไตล์ Patch Pocket ที่มี 4 อันแปะอยู่ และเส้นคาดใต้เอวด้านหลังที่สามารถดึงมาผูกเข้าด้านหน้าเพื่อความกระชับและคล่องตัว

ในสมัยก่อนนั้น Safari Jacket มักจะถูกตัดมาจากผ้า Ripstop ซึ่งมีลักษณะคล้ายๆผ้า PE หรือพลาสติก เพราะมีความทนทานต่อการขาดลุ่ยมากกว่าผ้าจากธรรมชาติ ดังเช่นใน Militray Jacket อย่าง Jungle Jacket ที่มีลักษณะคล้ายกัน แต่ในปัจจุบันแจ็คเก็ตเหล่านี้ถูกลดรูปและแปลงสภาพมาให้เหมาะสมกับบริบทของสังคมเมืองมากขึ้น 

ตามที่ Ascot Chang ตีโจทย์ออกมานั่นก็คือ Patch Pocket ยังคงมีอยู่ แต่ลดรูปลงไม่ได้มีความหนาเพื่อใส่อุปกรณ์จำนวนมากแบบสมัยก่อน เส้นคาดหลังก็ถูกลดรูปลงมาเป็นแผ่นผ้าแปะเป็นแนวขวางแบ่งระหว่างผ้าท่อนบนกับ Vent บริเวณสะโพก (ในบาง Tailor ก็ยังคงเส้นคาดนี้ไว้เหมือนเดิม หรือสั่งเป็น Option พิเศษได้) ด้านหลังเป็น Single Vent เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนไหว และกระดุมบริเวณข้อมือเป็นกระดุมเม็ดใหญ่เม็ดเดียว

สำหรับ Safari Jacket ของ Ascot Chang นี้ ด้านหลังของเค้าจะมี “Inverted Box Pleat” เพิ่มเติมขึ้นมาซึ่งจะทำให้เราสามารถขยับแขนยื่นไปด้านหน้าได้สบายโดยที่ไม่โดนรั้งจากผ้าชิ้นหลัง 

Ascot Chang เดิมนั้นเป็น Tailor ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศฮ่องกงตั้งแต่ปี ค.ศ. 1953 และเริ่มต้นจากการรับทำเสื้อเชิ้ตสั่งตัด จนกระทั่งได้รับความยอมรับอย่างแพร่หลายในฮ่องกง ในปัจจุบัน Ascot Chang มีสาขามากมายหลายประเทศ เช่น อมเริกาใน New York, Los Angeles และ Philippines ซึ่งนำโดย Justin Chang ลูกหลาน Generation ที่สามของครอบครัว

ด้วยความที่เป็นทรงแจ็คเก็ตมีลักษณะไปทาง Overshirt แต่ตัวผ้าที่ถูกเลือกใช้ในการทำแจ็คเก็ตของ Ascot Chang มักมีน้ำหนักค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นผ้า Linen/ Cotton/ Wool Flanel หรือผ้าผสมอย่าง Wool-Silk-Linen ทำให้แจ็คเก็ตทิ้งตัวได้สวยงามแลดูเนี้ยบขึ้นแต่ไม่ Formal จ๋าเมื่อสวมใส่ ตัวที่ผมได้มานี้เป็นผ้า Irish Linen ที่ค่อนข้างมีน้ำหนัก ทำให้ผ้าทิ้งตัวหรือ Drape ได้สวยงาม และผ้า Linen คุณภาพสูงแบบนี้จะไม่ยุ่ยและย้วย แต่พอยิ่งเก่าจะยิ่งสวยและผ้านิ่มใส่สบายมากขึ้น

บวกกับคัตติ้งของแจ็คเก็ตตัวนี้ที่ไม่ได้ Casual มากจนเหมือน Overshirt แต่ก็ได้กลิ่นอายของ Unstructured Sport Jacket ผสมเข้ามา บวกกับงานตัดผ้าและงานเย็บที่ประณีตและเนี้ยบมากทั้งตัว รวมไปถึง Handmade Button Hole หรืองานรังดุมถักมือ ซึ่งจะมีประโยชน์ที่ชัดเจนในเรื่องของการใช้งานที่ทนทานกว่ารังดุมถักเครื่องโดยเฉาพะรังดุมไซส์ใหญ่ที่ใช้เป็นรังดุมสำหรับกระดุมของแจ็ตเก็ต ซึ่งหากเป็นรังดุมถักเครื่องเมื่อใช้งานไปเรื่อยๆจะมีโอกาสที่รังดุมลุ่ยค่อนข้างสูง 

อีกจุดหนึ่งที่น่าสังเกตและเป็นจุดที่ทำให้ผมชอบ Safari Jacket ของ Ascot Chang มากที่สุด คือ “Lapel Roll” หรือปกแจ็คเก็ตที่ค่อยๆโค้งม้วนตามธรรมชาติจากบริเวณปกคอลงมาถึงบริเวณกระดุมเอว ลักษณะของการโค้งของปกแบบนี้มักจะเจอได้ในแจ็คเก็นหรือสูทที่มีการเสริมหางม้าและตัดเย็บมาอย่างดีเท่านั้น แต่ Ascot Chang ก็ยังสามารถทำได้แม้ว่าปกของแจ็คเก็ตตัวนี้จะไม่มีการเสริมหางม้าใดๆบริเวณชิ้นปกคอและช่วงอกเลยก็ตาม แต่ด้วยเทคนิคการตัดเย็บและการเลือกใช้ผ้า Linen ที่มีน้ำหนักค่อนข้างเยอะจึงทำให้เกิด Lapel Roll นี้ได้

ดังนั้นแจ็คเก็ตตัวนี้จึงสามารถนำมา Dress up หรือ Dress down ให้ลุคที่หลากหลาย ตั้งแต่ใส่คลุมกับเสื้อยืดกางเกงยีนส์ ใส่เสื้อโปโลกับกางเกงขายาว ไปจนถึงลุคเสื้อเชิ้ตเนี้ยบๆใส่กับเนคไทและกางเกงขายาวรองเท้า Oxford ได้เช่นกัน เรียกได้ว่า Ascot Chang สามารถตีโจทย์ได้แตกทั้งในเรื่องของดีไซน์และคุณภาพจริงๆครับ