ด้วยความที่รองเท้าที่ทำมาจากหนังกลับ หรือ Suede, Nubuck นั้นเป็นหนังที่ขึ้นชื่อว่าพังง่าย เปื้อนง่าย ถลอกง่าย ห้ามโดนน้ำ ห้ามเปียก และเมื่อเป็นรอยจะซ่อมกลับมาได้ยาก

ผมก็เกิดคำถามว่าหนังที่บอบบางขนาดนี้ทำไมถึงนำมาทำรองเท้า จึงทำให้ผมพยายามหลีกเลี่ยงการลงทุนในรองเท้าที่ทำมาจากหนังเหล่านี้มาโดยตลอด

จนกระทั่งได้มาค้นพบด้วยตัวเองว่าสิ่งที่เคยทราบมาเหล่านี้ไม่เป็นความจริงเลย หากเข้าใจวิธีการดูแลรักษาที่ถูกต้อง

เราต้องเข้าใจก่อนครับว่าหนัง Suede หรือ Nubuck นี้เนี่ยมีลักษณะคล้ายกำมะหยี่ที่เป็นขนเล็กๆ ทำให้ Sensitive ต่อของเหลวประเภทต่างๆ เมื่อโดนน้ำโดยที่ไม่ได้ดูแลหรือโดนน้ำในปริมาณที่เยอะๆจนถึงจุดหนึ่งจะเกิดรอยด่าง หรือที่เรียกว่าหนังกลับตาย นั่นก็คือขนเล็กๆที่ฟูๆนั้นแฟ่บลง ปัดไม่ขึ้น ลูบไปลูบมาแล้วขนเหล่านั้นไม่วิบวับ ไม่ปัดตาม อาการที่มักจะเกิดเหล่านี้เองจึงทำให้รองเท้าแลดูเหมือนเก่าได้ง่าย ไม่ทน และต้องคอยระวังเป็นพิเศษเมื่อสวมใส่

แต่ปัญหานี้แก้ไขได้ง่ายดายมากครับ ด้วยการฉีดสเปรย์กันน้ำซึ่งปัจจุบันมีขายกันมากมาย แต่ตัวที่ผมแนะนำก็คือ Saphir Super Invulner ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น “พ่อทุกสถาบัน” และ “จำเป็น” ต้องมีไว้ใช้สำหรับรองเท้าหนังกลับทุกประเภท เพราะสเปรย์ตัวนี้จะไปเคลือบขนเล็กๆแต่ละเส้นไม่ให้น้ำซึมผ่าน เวลาโดนน้ำหรือเทน้ำลงไป น้ำจะกลิ้งเป็นเม็ดๆหลุดออกไปเลยครับ 

นอกจากนั้น หนังกลับยังทนทานต่อรอยขีดข่วนได้มากกว่าหนังเรียบซะอีกนะครับ 

เวลาเราใส่รองเท้าหนังเรียบแล้วรองเท้าบังเอิญไปเฉี่ยวโดนขอบอะไรเข้าก็จะเกิดเป็นรอยขีดใช่มั้ยครับ ถ้าโดนแรงหน่อยก็จะถลอกเข้าไปลึกเป็นรอยถาวรให้เจ็บใจเล่น แต่หากเป็นหนังกลับ เราสามารถใช้แปรงหรือยางลบสำหรับหนังกลับปัดขนเหล่านี้ขึ้นมาได้โดยที่ไม่มีรอยใดๆเหลือทิ้งไว้เลย (ยกเว้นแต่โดนแรงจนรอยลึกจริงๆก็ตัวใครตัวมันล่ะครับ)

รองเท้าหนังกลับยังเกิดรอยยับของหนังจากการใช้งานปกติน้อยกว่าหนังเรียบอีกด้วยครับ โดยหนังกลับมักจะยับเป็นบั้งใหญ่ๆ ส่วนหนังเรียบจะยับเป็นสัน เป็นเส้นรอยยับหักที่ชัดเจนตามการงอของตัวหนัง

ในส่วนของขั้นตอนการดูแลรักษารองเท้าก็ยังง่ายกว่าหนังเรียบอีกเช่นกันครับ เพราะเราเพียงแค่เอาแปรงสำหรับหนังกลับมาแปรงปัดฝุ่นและจัดระเบียบขนเล็กๆให้สวยงาม ก็เป็นอันเสร็จ เทียบกับหนังเรียบที่ต้องลงครีม แว็กซ์ และปัดด้วยแปรงขนม้าอยู่เรื่อยๆ