Lifetime Relationship: การเลือกช่างตัดสูท ก็ไม่ต่างกับการเลือกคู่ชีวิต (สักเท่าไหร่)
Signore Closet
เชื่อมั้ยครับว่า ช่างตัดสูทของเรา เข้าใจสัดส่วนร่างกายของเราได้ดีกว่าแฟนหรือภรรยาของเราที่อยู่ด้วยกันทุกวันเสียอีก
ครั้งแรกในชีวิต ที่ได้รู้ว่าไหล่ทั้งสองข้างยาวและสูงไม่เท่ากัน ก็เพราะจากการวัดตัวและลองใส่แจ็คเก็ต
ครั้งแรกในชีวิต ที่ได้รู้ว่าความยาวแขนทั้งสองข้างไม่เท่ากัน ก็ตอนวัดความยาวแขนเพื่อตัดเสื้อเชิ้ต
ครั้งแรกในชีวิต ที่ได้รู้ว่าช่วงขาด้านล่างงอออกไปทางด้านหลังมากขนาดไหน ก็ตอนวัดตัวเพื่อตัดกางเกง
เรียกได้ว่า ช่างตัดสูทเปิดซิงอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับตัวผมเองโดยที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน
ผมเปิดการ์ด Clickbait 18+ แล้ว ไปเข้าสาระกันต่อดีกว่า
การตัดสูท หลายๆท่านอาจจะมองว่าก็เป็นเพียงการสั่งตัดเครื่องแต่งกายอย่างหนึ่ง แค่หาช่างตัดสูทคนที่เราชอบสไตล์การตัดของเค้าหรือหาช่างฝีมือดีน่าเชื่อถือก็น่าจะเพียงพอแล้ว หลังจากนั้นให้เค้าวัดสัดส่วนตัว เรามาลองฟิตติ้ง ได้สูทกลับบ้าน แล้วก็จบกันไป
ความจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้นเลยครับ
สูทที่ดีจะเกิดขึ้นมาได้จาก “การสื่อสารของทั้งสองฝ่าย” ไม่ใช่เพียงแค่เราบอกสิ่งที่เราต้องการให้กับช่างแล้วจบ ช่างต้องไปทำให้ได้แบบที่เราต้องการ หากช่างทำออกมาไม่ดีหรือสุดท้ายไม่สวย ไม่ถูกใจเรา แสดงว่าช่างคนนั้นฝีมือไม่ดีอย่างนั้นรึเปล่า?
การตัดสูทโดยเฉพาะการสั่งตัดที่เรียกว่า Bespoke ถือว่าเป็น “การสร้างสรรค์งานศิลปะที่สามารถสวมใส่ได้” ดังนั้นสิ่งที่สำคัญพอๆกับฝีมือของช่าง อันดับแรกคือ ต้องถามตัวเองก่อนว่าเรา “เข้าใจ” ช่างคนนั้นและผลงานของเค้าขนาดไหน ผมมั่นใจว่าทุกๆคนมีว่าช่างตัดสูทในใจที่ชอบหรือเคยตัดมาแล้ว ไม่เช่นนั้นเราคงไม่ยอมเสียเงินเพื่อตัดสูทราคาหลายๆหมื่นให้กับช่างคนนี้หรอกจริงมั้ยครับ
แต่ “ความสวยของสูทบนตัวเรา” เมื่อเราใส่สูทที่สั่งตัดของตัวเอง เทียบกับความสวยบนตัวคนอื่นที่เราไปดูมาในรูปหรือวิดีโอมันไม่เหมือนกันเลยครับ เมื่อเราชอบสไตล์สูทของช่างคนไหน การที่เราให้ช่างคนนั้นมาทำการตัดสูทให้ ส่วนหนึ่งก็เหมือนกับเราจ่ายเงินเพื่อ “ซื้อสายตา” หรือมุมมองของช่างตัดสูทคนนั้นว่า “แกมองว่าสูทที่ใส่สวยสำหรับเราต้องตัดออกมาแบบไหน” สัดส่วนแต่ละจุดต้องประมาณเท่าไหร่ ไหล่ยื่นออกมาได้แค่ไหน ชดเชยข้อผิดพลาดหรือความไม่สมมาตรของร่างกายของเราเองยังไง และอื่นๆอีกหลายปัจจัย
ฉะนั้นเราต้องถามตัวเองให้มั่นใจก่อนว่า มุมมองความสวยงามของเรากับช่างที่เราจะไปตัดสูทด้วยเนี่ยสอดคล้องหรือไปด้วยกันได้มั้ย หากเราไปหาช่างสาย Neapolitan แต่จะให้แกไปตัดสูทแบบ British ถ้าทำได้ช่างแกก็คงอยากจะเอาเข็มมาแทงตาแล้วบอกว่า เอ็งมาหาช่างผิดคนแล้วโว้ย!
เมื่อเรา “เข้าใจ” ในการตีความเรื่องความสวยงามของช่างที่เราชอบแล้ว อันดับต่อมาคือ “เราต้องไว้ใจแกด้วย” แน่นอนครับว่าเราจ่ายเงินเพื่อตัดสูทไป เราก็ต้องอยากได้สูทตามสไตล์ที่เราต้องการ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญคือ “เราต้องคุยกับช่างนะครับ” คุยให้ถึงพริกถึงขิงเลยแต่คุยกันบนพื้นฐานของความเข้าใจและสไตล์ความชำนาญของช่าง การสื่อสารระหว่างเราและช่างสำคัญมาก เพราะสิ่งนี้จะเป็นการบอกกับช่างว่า “ความสวยที่เรามองมันเป็นแบบนี้เอง”
หากเราปล่อยหน้าที่การตัดสูทที่เหลือไว้ให้ช่างทั้งหมด สูทที่ได้ก็จะสวยสำหรับช่าง แต่อาจจะไม่ได้สวยสำหรับเรา และหากเราไปจู้จี้จุกจิกจะต้องเอาไหล่เท่านี้ เอวเท่านี้ ยาวเท่านี้ อกเท่านี้ ตรงนู้นไม่สวยเปลี่ยน ตรงนี้ก็เปลี่ยนได้มั้ยสักนิดหน่อย จะต้องเอาให้ได้เป้ะๆแบบที่เราบอก ผมกล้ารับประกันว่า 99% สูทออกมาเละเทะแน่นอน
อย่างที่ผมกล่าวไปข้างต้น ว่าผม Treat การตัดสูทแบบ Bespoke เป็นการสร้างผลงานศิลปะรูปแบบหนึ่ง ช่างแต่ละคนมีวิธี Approach ขั้นตอนการสร้างสรรค์ผลงานแตกต่างกันออกไป ดังนั้นการให้เกียรติผู้ที่เป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานหรือ “ช่างตัดสูท” ของเรานั้นก็เป็นเรื่องสำคัญ
สูทที่ตัดออกมาได้สวย เกิดขึ้นจากการผสมผสานและแลกเปลี่ยนมุมมองกันเรื่องความสวยงามระหว่างเรากับช่างนั่นเอง
เอ้า เพลง “ที่ว่าง” ของวง Pause มา!
การให้เกียรติช่างตัดสูท คือการปล่อยให้แกสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในรูปแบบที่แกถนัด ในขณะที่เราก็มีจุดยืนในสไตล์ของเราที่เราอยากได้ การหาจุด “ตรงกลาง” ระหว่างเรากับช่างให้เจอ จึงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญในการตัดสูท แต่ก็อย่าลืมถามตัวเองด้วยนะครับว่า เรารู้จักกับความชอบของตัวเองดีพอแล้วหรือยัง เราชัดเจนหรือไม่กับสไตล์ที่เราตามหาอยู่ การที่ช่างตัดชุดออกมาแล้วสุดท้ายเราไม่ถูกใจ ช่างอาจจะไม่ได้มีส่วนผิดเลย แต่เป็นที่ตัวเราเองรึเปล่าที่ตีความสไตล์นั้นๆผิดไป
ช่างตัดสูทหรือร้านไหนที่ผมชื่นชอบสไตล์ของเค้า แต่เข้าไปคุยแล้วรู้สึกไม่ชอบ คุยแล้วไม่ถูกชะตา รู้สึกว่าคุยกันแบบเพื่อนไม่ได้ หรือรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ ผมก็เลือกที่จะกลับมาคิดก่อนหรือเลือกที่จะไม่ตัดกับที่นั่นไปเลยโดยที่ไม่นึกเสียดาย เพราะผมค่อนข้างแน่ใจว่าหลังจากนี้หากสั่งตัดไปจริงๆ สูทมีโอกาสเละเทะสูงมากและอาจจะไม่ได้สูทที่ถูกใจกลับมาในที่สุด เฉกเช่นกับการเจอสาวสวยตรงสเป็คแต่พูดคุยกันไม่ถูกคอ จะฝืนคุยกันต่อไปความสัมพันธ์ก็คงจะไม่ยั่งยืน
แต่หากเราเจอช่างหรือร้านไหนที่เราเข้าใจเค้า และเค้าก็เข้าใจมุมมองของเรา อย่าลืมจับมือกันไว้ให้แน่นเลยนะครับ คล้ายกับเวลาเราเจอสาวสวยตรงสเป็คแถมพูดคุยกันถูกคอ แชร์มุมมองหลายๆอย่างเหมือนกัน เคมีมันได้ เราคงไม่ปล่อยมือเธอคนนั้นไปง่ายๆ จริงมั้ยครับ?