ใส่สูทในไทย ทำไมคนมองว่าแปลก: อีกมุมหนึ่งของการแต่งตัวสไตล์ Sartorial

DSC03687.jpg
เรื่องนี้เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าควรจะถูกยกขึ้นมาพูดบ่อยๆและเป็นเรื่องที่ซีเรียสเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
มีเพื่อนๆผมหลายคนที่เริ่มสนใจและอยากจะเริ่มมาแต่งตัวสไตล์นี้ คือ ใส่กางเกงเอวสูง มีจีบ ผูกเนคไท รวมไปถึงการใส่แจ็คเก็ตหรือสูท แต่หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เพื่อนหรือคนรู้จักที่สนใจการแต่งตัวแบบนี้มากๆยังไม่ได้ “ตัดสินใจ” ที่จะมาเริ่มแต่งตัวจริงๆ ก็คือ “สายตาและคอมเม้นของคนรอบข้าง”
ด้วยความที่ภาพลักษณ์ของคนที่ใส่สูทในบ้านเรา มักจะถูกเชื่อมโยงกับ “ตำแหน่ง” “อาชีพ” หรือ “Event” เป็นส่วนใหญ่ หากอยู่ดีๆวันหนึ่งเราคิดอยากจะ Dess Up ขึ้นมาเฉยๆ คงไม่พ้นที่จะโดนเพื่อนๆหรือคนรู้จักรอบตัวทักว่า “ไปสัมภาษณ์งานใหม่หรอ” “ไปงานแต่งงานรึเปล่า” ไปจนถึง “ใส่ไปทำไม” หรือ “แต่งตัวเว่อร์จังเลย” และระหว่างวันนั้นก็มักจะเจอสายตาแปลกๆจากคนรอบข้าง จนการใส่สูทนี้ถูกจำกัดให้เป็นความเชื่อที่จะสื่อถึงอะไรแบบนี้เสมอ
ถึงแม้สิ่งที่เราจะสวมใส่เพียงแจ็คเก็ตคลุมเพิ่มแค่ชั้นเดียวก็ตามแต่ คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ทราบถึงความแตกต่างระหว่างสูทหรือแจ็คเก็ตกันจริงๆ ยังไม่ต้องไปถึงการใส่เนคไท Pocket Square หรือสายเอี๊ยมด้วยซ้ำไป ยิ่งดูแปลกประหลาดเข้าไปใหญ่ในสายตาคนอื่น
แน่นอนครับว่าแรงกดดันที่มากมายเหลือเกินจากภายนอกโดยเฉพาะคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน แฟน พ่อแม่ หรือเพื่อนร่วมงาน จะกลายเป็นกำแพงที่จะกั้นทำให้เราไม่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสไตล์ของตัวเอง เพราะกลัวโดนมองว่า “แปลก” ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่พอเราทำอะไรที่ไม่เหมือนคนอื่นๆเค้าทำกัน เราจะตกเป็นเป้าสายตาไปโดยอัตโนมัติ
DSC03515.jpg
สำหรับผม ผมมองว่านี่เป็น Challenge ที่สนุกมากอย่างนึงเลยครับ
หากเปรียบเทียบกันในอีกมุมหนึ่ง ก็เหมือนกับคนหมู่น้อยที่เชื่อหรือชอบอะไรบางอย่าง แต่พอพูดหรือแสดงออกไปกลับมีเสียงหมู่มากที่ดังกว่าบอกว่าสิ่งที่เราชอบอยู่นั้นมันแปลกหรือผิดเพี้ยน
ทำไมเราต้องจำกัดความ “สูท” ที่เป็นหนึ่งในเครื่องแต่งกายที่ทำให้สุภาพบุรุษทุกคนดูดีที่สุด ให้กลายเป็นเพียง Uniform ที่ต้องใส่เพียงเพื่ออะไรบางอย่างเท่านั้นเองล่ะ
การแต่งตัวในแบบที่เราชอบไม่ใช่สิ่งที่ผิดเลย หากเรามองลึกลงไปจริงๆแล้ว สายตาคนรอบข้างไม่ใช่ปัญหาเลยครับ แต่เป็นความมั่นคงของจิตใจเราเสียมากกว่าที่จะไม่หวั่นไหวไปกับคำพูดหรือสายตาของคนอื่น
เราคงจะเปลี่ยนความคิดของคนอื่นไม่ได้ แต่สิ่งที่เราทำได้คือ เรากล้าพอที่จะทำในสิ่งที่เราชอบหรือเปล่า ถ้าพูดกันง่ายๆคือไม่เห็นต้องไปแคร์หากไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน หากเราทำได้โดยที่เริ่มไม่เคอะเขินหรือทำไปจนชินแล้ว ผมมองว่ามันเป็นการที่เราเอาชนะใจตัวเองได้อย่างหนึ่งเลยครับ
พิมพ์ไปพิมพ์มาก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะพูดจาเหมือน Life Coach ไปซะงั้น ผมอยากเป็นกำลังใจเล็กๆให้ทุกๆคนที่กำลังตัดสินใจอยากจะใส่แจ็คเก็ตหรือสูทว่าผมเข้าใจ เพราะผมเคยผ่านมันมาแล้วและมันไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเลยครับ 
ลึกๆผมก็อยากจะเปลี่ยนความเชื่อนี้ในสังคมไทย ว่าการใส่แจ็คเก็ตหรือสูทสำหรับผู้ชายนั้นไม่ใช่เรื่องพิสดารอะไรเลย 
ปัจจุบันผมก็น่าจะยังเป็นผู้ชายคนเดียวในแถบนี้ที่ใส่ Double Breasted Jacket ไปเดินข้างนอกทุกวัน ก็แอบหวังว่าวันหนึ่งคงมีเพื่อนๆร่วมอุดมการณ์ที่สนใจได้ตัดสินใจมาแต่งตัวสไตล์นี้กันมากขึ้นครับผม
Previous
Previous

Jacket สีเขียวเข้ม: หนึ่งในสีที่ใส่ง่ายแต่หลายๆคนมองข้าม

Next
Next

ใส่ได้ ≠ ใส่แล้วสวย: สวยสำหรับคนอื่น ไม่ได้หมายความว่าสวยสำหรับเรา