Solaro: ผ้าพลังงานแสงอาทิตย์?
ดูเผินๆผ้าที่ถูกเรียกว่า “Solaro” นี้อาจจะดูคล้ายผ้าอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่าผ้าลายก้างปลาหรือ Herringbone แต่ด้วยความที่ผ้าตัวนี้มันดูวิบวับๆติดริ้วแดงบ้างในบางมุมและดูมีมิติบางอย่างที่มากกว่า ทำให้ผ้า Solaro นี้มีอะไรที่พิสดารกว่า Herringbone ไปอีกสเต็ปหนึ่ง และทำไมในต่างประเทศเค้าถึงชอบเอาผ้า Solaro มาใส่กันในช่วง Summer ในบ้านเค้าและมักได้รับความนิยมพอๆกันกับ Linen หรือ Seersucker อีกด้วย รายละเอียดจะเป็นยังไงเดี๋ยวตามไปดูกันครับ
หากย้อนประวัติเพื่อค้นหาที่มาของผ้าตัวนี้ ท่านผู้อ่านจะร้องอ๋อทันที เพราะที่มาของผ้า Solaro นี้มันไปคล้ายคลึงกับที่มาของผ้า Seersucker ค่อนข้างเยอะ เพราะไปเกี่ยวข้องกับการใช้งานของทหารในสงครามและการล่าอาณานิคมในสมัยศตวรรษที่ 19 และ 20 เหมือนกัน แต่จุดกำเนิดของผ้าสองชนิดนี้แตกต่างกัน
ที่มาของผ้า Solaro มันเป็นแบบนี้ครับ
Solaro มาจากคำว่า Solar ที่แปลว่าแสงอาทิตย์ สาเหตุเป็นเพราะไอ้เจ้าผ้า Solaro นี้ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อใช้กันแสงแดดสำหรับทหารอังกฤษไปทำหน้าที่อยู่ในประเทศเขตร้อนในยุคของการล่าอาณานิคมระหว่างช่วงศตวรรษที่ 19 และ 20 ด้วยความเชื่อที่ว่ารังสี UV ในแสงแดดส่งผลให้ผิวหนังไหม้ ไปจนถึงก่อให้เกิดความพิการและโรคเกี่ยวกับระบบประสาทต่อตัวทหารที่อยู่ในประเทศอาณานิคมเขตร้อน เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ ทางกองทัพอังกฤษจึงต้องการผ้าสที่สามารถกันลำแสง UV เพื่อตัดเป็นชุดเครื่องแบบให้ทหารใส่
จากปัญหาดังกล่าว ทำให้คุณหมอเชื้อสายอิตาลีที่อาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษท่านหนึ่งชื่อ Louis Westenra Sambon ได้รับหน้าที่ในการคิดค้นผ้าและผลิตผ้าที่มีความสามารถดังกล่าว หลังจากทดลองและพัฒนาตัวผ้ากันไปๆมาๆด้วยเครื่อง Spectroscopy ในสมัยนั้น ก็ได้ผลลัพธ์ออกมาว่า ผ้าที่ชื่อ Solaro นี้มาความสามารถในการดูดซับแสงในช่วงสเปคตรัมที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์ได้จริงโดยเฉพาะแสง UV
ตัวเลือกการผลิตผ้า Solaro เพื่อใช้ในการนี้เป็นผ้า Wool จากความเชื่อที่ว่า วัสดุตามธรรมชาติอย่างขนแกะน่าจะมีคุณสมบัติที่เหมาะสม เพราะขนแกะสามารถช่วยป้องกันอันตรายให้กับตัวแกะเองได้ มันก็น่าจะเอามาใช้ทำเป็นเครื่องแต่งกายที่ช่วยป้องกันมนุษย์จากแสงอาทิตย์ได้เหมือนกัน
เราจะเห็นว่าผ้า Solaro มีผิวด้านนอกที่ทอคล้ายๆกับลายก้างปลาหรือ Herringbone แต่เนื้อผ้าจะดูเงาและเหลือบกว่าเพราะความสามารถในการดูดซับแสงบางสีและ “สะท้อนแสง” บางเฉดออกไป รวมทั้งจะมีบางมุมที่เมื่อเรามองแล้วจะเห็น “เหลือบแดง” วิบวับออกมา ก็เพราะหากพลิกตัวผ้า Solaro กลับมาดูด้านใน เราจะเจอผ้าที่มีสีแดงสดอยู่ ซึ่งในสมัยนั้นทหารเค้าก็จะเอาผ้าที่มีสีแดงไว้ด้านในและหันอีกด้านหนึ่งออกด้านนอกเพื่อป้องกันแสงแดด
แต่ถัดมาในช่วงศตวรรษที่ 20 นักวิจัยชาวอเมริกาก็ได้ค้นพบว่า อาการของโรคที่ทหารอังกฤษได้พบเจอกันนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับรังสี UV ในแสงแดดโดยตรง และผ้า Solaro ที่เอามาตัดเป็นเครื่องแบบก็ยังสวมใส่ไม่สบายและอาจก่อให้เกิดอันตรายมากกว่าผ้าที่ใช้ทำเครื่องแบบทหารดั้งเดิมเสียอีก
ดังนั้น ผ้า Solaro จึงได้รับอิสระจากความเข้าใจที่ว่า “เป็นผ้าที่ใช้สำหรับทหารกองทัพ” และพัฒนากลายมาเป็นหนึ่งใน Style Icon ที่สำหรับใช้ตัดแจ็คเก็ตและสูทเพื่อใช้ในช่วงหน้าร้อนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
พอทราบประวัติของผ้า Solaro แล้ว ท่านผู้อ่านจะเห็นได้เลยครับว่าที่มาของผ้า Summer หลายๆชนิดมีที่มาจากกองทัพอังกฤษในยุคสมัยของการล่าอาณานิคม คล้ายคลึงกับที่มาของผ้า Seersucker ยังไงยังงั้น แต่ผ้า Solaro เป็นผ้าที่เรียกว่า “Techical Fabric” ชนิดแรกที่คิดค้นขึ้นโดยมนุษย์ ในขณะที่ผ้า Seersucker ที่ถูกค้นพบในประเทศอินเดียเป็นผลลัพธ์จากธรรมชาติของผ้าผสมระหว่าง Silk และ Cotton ที่เกิดการหดตัวไม่เท่ากันระหว่างการซักและผึ่งให้แห้ง
สุดท้ายนี้ ชื่อ “Solaro” ที่เราใช้เรียกกันจนติดปาก จริงๆแล้วถูกจดลิขสิทธิ์ไปโดยผู้ผลิตผ้าเจ้าหนึ่งในอังกฤษชื่อ Smith Woollens (ปัจจุบันอยู่ในเครือของ Harrison) ซึ่งก็เป็นเพียงผู้ผลิตผ้าเพียงรายเดียวในโลกที่สามารถใช้คำว่า Solaro ในเชิงการค้าได้ โดยทาง Smith Woollens เค้าเคลมว่าเป็น “Original Solaro made in England” ดังนั้นถ้าเราอยากจะได้ผ้า “Solaro” ที่ผลิตจากโรงทอเจ้าอื่นๆ หากเดินตรงไปเพื่อหาผ้า Solaro ในเล่มผ้าเลยอาจจะไม่เจอ เพราะทางโรงทอเค้าจะใช้เป็นชื่ออื่นแทน ซึ่งเนื้อผ้าและลักษณะของผ้าไม่ได้แตกต่างกับ Solaro จาก Smith Woollens เลยครับ
ในปัจจุบัน ผ้า Solaro มีทั้งผ้า Wool และ Cotton แต่ Original ดั้งเดิมเลยคือ ผ้า Wool สีเบจออกโทนสีกากี เป็นสีที่เดิมใช้ในกองทัพมาก่อน
คงมีเปอร์เซ็นต์น้อยมาก หากอยู่ดีๆมีใครสักคนหนึ่งเดินเข้าไปในร้านตัดสูทแล้วบอกว่า อยากได้ Solaro Suit เพราะ Solaro เป็นผ้าที่เรียว่า “ต้องเป็น Sartorial Nerd” ประมาณหนึ่งเลยถึงจะรู้จัก เข้าใจและเก็ทผ้าตัวนี้ ส่วนตัวผมหากต้องตัดสูทสีเบจหนึ่งตัว ยังไงก็ไม่พ้น Solaro แน่นอนครับ เพราะด้วยความที่สูทสีเบจเป็นสีที่มีความเป็น Uniform อยู่บ้าง แต่เมื่อเลือกผ้าเป็น Solaro สีเบจ ลุคที่ได้ทั้งหมดจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ด้วยคาแรคเตอร์เฉพาะของผ้าที่มีความวิบวับเป็นบั้งตามแนวตั้งและมีความเหลือบแดงให้เห็นอยู่บางมุม ทำให้เพิ่มความเซ็กซี่และจัดจ้านให้กับลุคทั้งหมดจากผ้าที่มีมิติมากขึ้น ทำให้ Solaro เหมาะมากสำหรับใส่เป็น Summer Suit และยิ่งเหมาะสมเข้าไปอีกสำหรับประเทศไทยที่อากาศร้อนทั้งปีอยู่แล้ว
การใส่แจ็คเก็ตหรือสูทผ้า Solaro ผมอยากให้ Treat มันเป็นสูทสีน้ำตาลหรือสีเบจตัวหนึ่งที่มีลูกเล่นที่เพิ่มขึ้นมาบนตัวผ้า หลายๆท่านอาจจะคิดว่า Solaro เป็นผ้าเฉพาะทางและใส่ยาก แต่หากได้ลองสวมจริงๆแล้วจะพบว่ามันเป็นผ้าทางเลือกอีกหนึ่งตัวที่สามารถเพิ่มลูกเล่นให้กับลุคทั้งหมดได้มากกว่าสีเบจหรือสีน้ำตาลเรียบๆเยอะเลยครับ